เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มไปทั่ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) หลังจบเกมดาร์บี้ แมตช์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ครั้งที่ 196 ที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 อันแสนจืดชืด คำวิจารณ์บนเว็บไซต์ บีบีซี สปอร์ต (BBC Sport) สรุปความรู้สึกของแฟนบอลได้อย่างชัดเจน: “ไม่ใช่สีแดงหรือสีฟ้า – สีเทาจะเหมาะกว่า” การปะทะกันของสองยักษ์ใหญ่แห่งเมือง แมนเชสเตอร์ (Manchester) ที่เคยสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้กับวงการฟุตบอล กลับกลายเป็นเกมที่ปราศจากจิตวิญญาณและแรงปะทะที่แฟนบอลคาดหวัง แกรี่ เนวิลล์ (Gary Neville) อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ให้กับ สกาย สปอร์ต (Sky Sports) แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง เขากล่าวด้วยความโกรธว่า: “นี่คือ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ (Manchester derby) มันควรจะมีเลือด ฟ้าผ่า ความเสี่ยง และความกล้าในการเล่นเกมมากกว่านี้ การแสดงความยินดีและบรรยากาศแห่งความรักที่ผมเห็นบ่งบอกว่าทั้งสองทีมพอใจกับผลเสมอ 0-0 ราวกับว่าเป็นเพียงบ่ายวันอาทิตย์ธรรมดาและพวกเขากำลังจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
วิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ ของ ฟุตบอลเมืองแมนเชสเตอร์ ผลสะท้อนจากดาร์บี้แมตช์ ครั้งล่าสุด
รูเบน อาโมริม (Ruben Amorim) กุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) แม้จะเพิ่งมาทำงานใน อังกฤษ (England) ได้ไม่นาน หลังจากย้ายมาจาก สปอร์ติง ลิสบอน (Sporting Lisbon) แต่เขาก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ เมื่อถูกถามถึงความเห็นของ เนวิลล์ (Neville) อาโมริม (Amorim) ตอบอย่างใจเย็นว่า: “ผมเข้าใจทุกอย่าง แกรี่ เนวิลล์ (Gary Neville) วิจารณ์ทุกเรื่อง ผมเข้าใจส่วนนั้น” อาโมริม (Amorim) พยายามอธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีม: “ผมเข้าใจว่าเราในขณะนี้กำลังทำผลงานแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ชนะทุกอย่างในอดีต แต่ฤดูกาลนี้พวกเขากำลังดิ้นรน เราไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมให้กับแฟนๆ ทุกคน hujanlapan เมื่อเราไม่ได้ต่อสู้เพื่อสิ่งยิ่งใหญ่ แน่นอนว่ามันแตกต่างกัน” สถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีมไม่น่าอิจฉา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ยังคงอยู่นอกท็อปโฟร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอาจจะพลาดโอกาสในการเข้าร่วมการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) ในฤดูกาลหน้า พวกเขาครองอันดับที่ 5 อยู่ในขณะนี้ แต่หากว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) สามารถชนะสองเกมที่เหลืออยู่ พวกเขาก็จะแซงขึ้นไป ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) กำลังมุ่งหน้าสู่ฤดูกาล พรีเมียร์ลีก (Premier League) ที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาตามหลัง เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) ที่อยู่อันดับ 12 ถึงสี่คะแนน และนำหน้า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (Wolverhampton Wanderers) เพียงหกคะแนนเท่านั้น
เสียงวิจารณ์ต่างๆ ที่ออกมาจากตำนานสโมสร
รอย คีน (Roy Keane) อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) อีกคนที่มีชื่อเสียงในการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่พอใจกับสิ่งที่เขาได้เห็น เขาวิจารณ์อย่างรุนแรง: “พวกเขาให้สัมภาษณ์เหมือนกับว่าผลเสมอไม่ใช่เรื่องแย่ hujanlapan ผลเสมอไม่ได้พาคุณไปไหนได้เร็ว มันไม่ดีพอ” คีน (Keane) ยังเน้นย้ำว่าปัญหาไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันกับทีมยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ล้มเหลวในการแข่งขันกับทีมระดับกลางของลีก: “ลืมทีมชั้นนำไป ผมกำลังพูดถึงการแข่งขันกับ เบรนท์ฟอร์ด (Brentford) และ คริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) และ วูล์ฟส์ (Wolves) และทีมเหล่านี้ทั้งหมด คุณบอกผมหรือว่า แมนยูไนเต็ด (Man Utd) ควรอยู่หลังพวกเขา แม้จะมีกลุ่มนักเตะเหล่านี้ก็ตาม?” นอกจากเสียงวิจารณ์จากอดีตนักเตะแล้ว แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) จำนวนมากที่อยู่ชมเกมจนจบได้แสดงความไม่พอใจต่อตระกูล เกลเซอร์ (Glazer) เจ้าของทีมชาว อเมริกัน (American) ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของความตกต่ำของสโมสร พวกเขาร้องเพลงต่อต้านเจ้าของทีมเพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้าง
เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ยอมรับถึงความตกต่ำของทีมในฤดูกาลนี้ เขากล่าวว่า: “คุณเห็นตัวเลขของนักเตะที่อยู่ในระดับสูงมาสี่ ห้า หกปี ปีนี้เราตก มันไม่ใช่หนึ่ง มันคือทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังดิ้นรนเพื่อชนะเกม” ในขณะที่ บรูโน่ แฟร์นานเดส (Bruno Fernandes) กัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) มีมุมมองที่แตกต่างออกไป เขามองว่าการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาและการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้มีส่วนทำให้เกมดาร์บี้เปลี่ยนไป: “มันไม่สามารถเป็นเหมือนในอดีต หลายสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว ด้วย VAR ทุกอย่าง ด้วย VAR คุณไม่สามารถทำได้ เราไม่สามารถรุนแรงอย่างที่เราต้องการในการปะทะกัน ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว”
อนาคตที่ไม่แน่นอน คริส ซัตตัน (Chris Sutton) อดีตนักเตะและปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ให้กับ บีบีซี เรดิโอ 5 ไลฟ์ (BBC Radio 5 Live) สรุปสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน: “นั่นเป็นหนึ่งใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ (Manchester derby) ที่น่าเบื่อที่สุดที่ผมเคยเห็น มันบ่งบอกว่าสโมสรอยู่ตรงไหน ทั้งสองมีงานต้องทำมากในช่วงซัมเมอร์” ทั้งสองทีมต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการปรับปรุงผลงานและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) อาโมริม (Amorim) ต้องสร้างทีมใหม่และวางรากฐานปรัชญาการเล่นของเขา ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) กวาร์ดิโอลา (Guardiola) ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับนักเตะที่เริ่มมีอายุมากขึ้นและผลงานเริ่มตกลง ดาร์บี้แมตช์ที่น่าเบื่อระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) สะท้อนให้เห็นถึงสภาพปัจจุบันของทั้งสองทีมที่กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทาย เกมที่ควรจะเต็มไปด้วยแรงปะทะ ความมุ่งมั่น และความตื่นเต้น กลับกลายเป็นเกมที่ไร้ชีวิตชีวาและจืดชืด ช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของทั้งสองสโมสร พวกเขาต้องหาทางปรับปรุงและยกระดับผลงานให้กลับมาสู่มาตรฐานที่แฟนบอลคาดหวัง ไม่เช่นนั้น ดาร์บี้แมตช์ครั้งต่อไปอาจจะเป็นเพียงการปะทะกันระหว่างสองทีมธรรมดา ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่างที่เคยเป็นมา ความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันของ แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ (Manchester derby) สะท้อนให้เห็นถึงวัฏจักรของวงการฟุตบอลที่ไม่มีทีมใดจะยิ่งใหญ่ตลอดกาล แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ก็ยังต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ การฟื้นฟูและการสร้างทีมใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทั้งสองทีมต้องเร่งดำเนินการเพื่อกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง